
ศิลปะกรีก ทำความรู้จักกับศิลปะในยุคนี้ (Art of Greek)
ศิลปะในยุคนี้นับได้ว่าเป็นยุคที่มีความเจริญในด้านงานศิลปะเป็นอย่างมาก ศิลปะกรีก ยังได้รับการยกย่องว่าศิลปะในยุคนี้ยังเป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมของโลกอีกด้วย โดยผลงานส่วนใหญ่นั้นเป็นงานที่สร้างสรรค์จากการได้รับแรงบัลดาลใจการความศรัทธาของทางศานา ซึ่งชาวกรีกนั้นมีความเชื่อกันว่า มนุษย์เป็นมาตรวัดสรรพสิ่ง และความเชื่อนี้ก็เป็นรากฐาน วัฒธรรมของชาวกรีก ซึ่งการสร้างงานของชาวกรีกนั้นจะเน้นไปที่เทพเจ้าที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพบูชา และบวงสรวงเทพเจ้าที่ตนสร้างขึ้นมา เพราะชาวกรีกนั้นจะไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายเหมือนชาวอียิปต์ ดังนั้นใน ประวัติความเป็นมาศิลปะยุคกรีก จึงไม่มีการสร้างสุสาน หรือมีพิธีการฝังศพที่ซับซ้อนเหมือนกับชาวอียิปต์นั่นเอง

รูปแบบงานทางด้านจิตกรรมของชาวกรีก
ในยุคนี้ จิตกรรมศิลปะกรีก นั้นจะไม่ค่อยนิยมสร้างสรรค์ผลงานทางด้านจิตกรรม โดยชาวกรีกถือว่างานจิตกรรมนั้นไม่สามารถถ่ายทอดรูปแบบลักษณะที่แท้จริงได้ ดังนั้นงานจิตกรรมของยุคนี้จึงเป็นผลงงานทางด้านการตกแต่งซะมากกว่า เช่นการเขียนภาพลงบนภาชนะต่างๆ ซึ่งเรื่องราวที่นำมาเขียนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องเล่า งานจิตกรรมส่วนใหญ่ของกรีกนั้นก็จะมีแค่การเขียนภาพสีเพื่อตกแต่งผิวแจกันเท่านั้น เป็นภาพที่มีรูปร่างที่โดนตัดทอนจนไกล้เคียงกับรูปเรขาคณิต สีและเส้นมีความคมชัด มีความเรียบง่าย สีที่ใช้นั้นจะเป็น สีดิน ระบายสีลงบนภาพพื้นผิวแจกันที่เป็นสีน้ำตาลอมแดง แบบบางๆ แต่ในบางชิ้นงานก็จะมีสีอื่นๆ รวมอยู่ด้วย โดยเทคนิคการใช้ระบายรูปร่างสีดำพื้นหลังให้เป็นสีแดงนี้เรียกว่า จิตกรรมแบบรูปตัวดำ และมีการทำกันเรื่อยมาจนถึงสมัยพุทธศตวรรษที่1 และได้มีการทำรูปแบบใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ จิตกรรมแบบรูปตัวแดง โดยการใช้สีดำอมน้ำตาลเป็นพื้นหลังของภาพ ตัวรูปเป็นสีส้มแดง หรือน้ำตาล ที่เป็นสีของดิน


รูปแบบงานทางด้านสถาปัตยกรรมของชาวกรีก
ชาวเอเธนส์ได้ทำการสร้าง สถาปัตยกรรมศิลปะกรีก ที่มีความโดดเด่นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการสร้างอาคารเพื่อใช้ประกอบกิจกรรมอาทิเช่น วิหาร โรงละคร และสนามกีฬา ซึ่งความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมในยุคนี้ไม่ได้อยู่ที่ความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้าง แต่เป็นความงดงามของสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างเช่น วิหารพาร์เทนอน ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอะโครโพลิส โดยวิหารแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่มีสัดส่วนที่งดงาม ครบทุกองค์ประกอบ ซึ่งผลลงานชิ้นนี้ก็นับได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของโลกเลย โดยงานสถาปัตยกรรมของยุคนี้จะใช้ระบบโครงสร้างแบบเสา และคานเช่นเดียวกับสถาปัตยกรรมอีบิปต์ ที่มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจากฐานอาคาร ซึ่งจะมีการยกเป็นชั้นๆ จะเป็นฝาผนังที่ไม่มีหน้าต่าง แต่จะมีการกั้นห้อง 1-3 ห้อง โดยปกติแล้วสถาปนิกจะสร้างเสารายล้อมรอบอาคาร มีการสลับช่วงเสากันอย่างมีจังหวะระหว่างเสากับช่องว่างระกว่างเสา ซึ่งจะทำให้พื้นภายนอกรอบๆ วิหาร มีความสว่าง และมีรูปทรงเปิดมากกว่าสถาปัตยกรรมอียิปต์ อีกทั้งยังมีขนาดที่เหมะสมไม่ใหญ่จนเกินไป และยังมีรูปทรงที่เรียบง่าย สถาปัตยกรรมกรีกแบบพื้นฐาน 2 ใน 3 แบบเกิดในสมัยอาร์คาอิก คือแบบดอริก และไอโอนิก ซึ่งแบบหลังพบแพร่ได้หลายทั่วไปในแถบเอเชียไมเนอร์ ซึ่งเสาเหล่านี้แต่ละต้นจะมีคานพาดหัวเสาถึงกันหมด และในสมัยต่อมาเกิดสถาปัตยกรรมอีกแบบหนึ่งคือคอรินเทียน หัวเสานั้นจะมีลายรูปใบไม้ ซึ่งชาวกรีกนิยมสร้างอาคารโดยการใช้สถาปัตยกรรมทั้งสามนี้ นำมาผสมผสานให้เข้ากันโดยมีการตกแต่งประดับด้วยการแกะสลักลวดลายประกอบ และบางครั้งก็ยังมีรูปคนประกอบไปด้วย นอกจากนี้ยังมีการใช้สีน้ำเงินตกแต่งฉากหลังของรูปลวดลายที่หน้าจั่ว และมีสีแดงใช้ระบายฉากหลังประติมากรรมที่หัวเสา และลายคิ้วคานด้วย

รูปแบบงานทางด้านประติมากรรมของชาวกรีก
ประติมากรรมศิลปะกรีก โดยผลงานในด้านนี้จัดได้ว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในงานศิลปกรรมทั้งหมดของยุคนี้เลย ซึ่งประติมากรรมส่วนมากจะเป็นเรื่องของศาสนาซะส่วนใหญ่ จุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อถวายเทพเจ้าต่างๆ และวัสดุที่นิยมใช้ในการสร้างงานประติมากรรมได้แก่ ทองแดง และดินเผา ในสมัยต่อมาก็จะมีการสร้างด้วยสำริด และหินอ่อนเพิ่มขึ้น โดยในสมัยแรกๆ นั้น รูปทรงของประติมากรรมยังมีลักษณะที่คล้ายรูปเลขาคณิต และต่อมาในสมัยอาร์คาอิก (200 ปีก่อน พ.ศ.) เริ่มมีการแกะสลักงานประติมากรรมที่ค้ลายกับมนุษย์มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า นักกีฬา วีรบุรุษ และรูปสัตว์ต่างๆ และในยุคหลังๆ รูปทรงจะมีความสวยงามมากขึ้น และมีลักษณะของสรีระกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นคล้ายมนุษย์ที่มีชีวิต และผลงานที่มีความโดดเด่นได้แก่ รูปปั้นเทพเจ้าอาธีน่า ที่วิหารพาร์เทนอน เทพเจ้าซุส ที่วิหารแห่งโอลิมเปีย ที่แสดงท่าทางการเคลื่อนไหวที่มีความสง่างาม และยังมีการขัดถูผิวหินให้ดูเรียบ คล้ายผิวมนุษย์ มีลีลาที่เป็นไปตามธรรมชาติมากขึ้น จึงทำให้ประติมากรรมของยุคกรีกนั้น เป็นยุคคลาสสิคที่ให้ความรู้สึกในความงามที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
สรุปศิลปะในยุคกรีก
หลายคนสงสัยกันว่า ศิลปะกรีกมีลักษณะอย่างไร ต้องบอกเลยว่าศิลปะในยุคนี้เป็นจุดกำเนิดความงาม ในด้านประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ที่มีความสมบูรณ์ ทั้งเรื่องของสัดส่วน และความงามที่เป็นธรรมชาติเหมือนจริงมากที่สุด และในยุคนี้ยังเป็นยุคที่เป็นต้นแบบมีการต่อยอดออกไปได้อีกในหลายๆ ยุค
ติดตามยุคของศิลปะอื่นๆ ได้ที่ : ศิลปะโรมัน
อ่านบทความเกี่ยวกับศิลปะเพิ่มเติมได้ที่ : https://artisworlds.com/